
จุดเริ่มต้นกฎหมายกัญชาเสรี สู่การยกเลิกกัญชาเสรี
กัญชา พืชเศรษฐกิจสำหรับการค้าขายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้ได้กลับกลายเป็นสมุนไพรควบคุมอีกครั้ง ซึ่งได้รับการลงนามโดยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันการถูกใช้ในทางที่ผิดวัตถุประงสค์อันนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิด และจัดให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบันให้เป็นเพียงแค่พืชสำหรับวิจัยและการรักษาเท่านั้น จึงมีการควบคุมกัญชาแค่ในส่วนเฉพาะที่เป็นช่อดอก แล้วทุกคนคิดเห็นอย่างไรกับการยกเลิกกัญชาเสรีในครั้งนี้ของประเทศไทยจะเป็นการสร้างประโยชน์ หรือกีดกันทางการค้าของผู้ขาย แต่ก่อนที่จะตอบคำถามเหล่านั้น เราอยากชวนมาทำความรู้จักกับความเป็นมาและตัวตนของกัญชากันก่อน
ต้นกำเนิด ยุคแห่งการริเริ่มใช้กัญชา
นานมาแล้วก่อนที่กัญชาจะกลายเป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมจนเกิดการค้าขายกันจนดูเหมือนเป็นปกตินั้น มนุษย์เรารู้จักเลือกใช้กัญชาเสรีเพื่อประโยชน์ที่มากขึ้น เช่นการรักษาโรค หรือประกอบพิธีกรรมทางศาสนาซึ่งเป็นที่พึ่งพิงทางใจ ทว่าหลังจากนั้นกลับถูกใช้เพื่อความปรารถนาส่วนตัวสำหรับความบรรเทิง
มีคนคาดการณ์กันว่ากัญชามีถิ่นกำเนิดจากเอเซียกลางหรือจีนตะวันตก หลังจากนั้นก็มีการกระจายจากจีนไปทั่วโลกผ่านการค้าขาย และการอพยพย้ายถิ่นฐาน จากหลักฐานพบว่าเมื่อ 4,800 ปีก่อนมีการนำกัญชามาชงเป็นชาโดยมีการกล่าวถึงสรรพคุณไว้ในตำรับยาจีน ต่อมาพบยังพบอีกว่าได้นำมาใช้ในพิธีบูชาเทพเจ้าของจีน การประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวอาหรับ การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ของชาวอินเดีย และการเสพเพื่อความบันเทิงในกลุ่มชาวไซเธียน ชาวกรีกและโรมัน
ประเทศไทยเองก็ได้รับอานิสงส์การถ่ายทอดความรู้และภูมิปัญญาจากอารยธรรมจีนและอินเดีย ริเริ่มใช้มาตั้งแต่สมัยอยุธยาในฐานะของสมุนไพร โดยถูกระบุไว้ในตำราแพทย์แผนไทย ว่าเป็นส่วนผสมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย บรรเทาอาการเจ็บปวด และนอนไม่หลับ
ช่อดอกกัญชาส่วนที่ถูกหวงห้ามโดยกระทรวงสาธารณะสุข
บริเวณที่กฎหมายออกควบคุมคือบริเวณช่อดอกกัญชาเพศเมีย ซึ่งมีสาร “THC” ที่ช่วยบรรเทาอาการปวดและคลายความกังวล รวมถึงการกระตุ้นอาการที่ไม่พึงประสงค์อย่างการส่งผลต่อจิตประสาท และ “CBD” ที่ช่วยในการออกฤทธิ์ต้านอาการหลอนประสาทของ THC ได้ ลดอาการวุ่นวาย ทำให้สงบ แลกกับการเบื่ออาหารและคลื่นไส้ สองสารนี้มีมากที่สุดในบริเวณช่อดอกกัญชา ทั้งนี้กัญชาแต่ะพันธ์ุก็จะมีปริมาณสาร THC และ CBD ที่แตกต่างกัน
ประโยชน์และโทษของกัญชา
จากที่เอ่ยไปข้างต้นกัญชามีทั้งประโยชน์สรรพคุณมากมาย จะใช้ในด้านนันทนาการ หรือการแพทย์ก็ได้ แต่ในขณะเดียวกันหากใช้มากเกินไป ก็จะกลายไปเป็นสารเสพติดให้โทษแทนได้ ดังนั้นหากต้องการใช้เพื่อการรักษาควรได้รับคำแนะนำจากทีมแพทย์เสียก่อน แล้วโทษกับประโยชน์ของกัญชานั้นมีอะไรบ้างมาดูกัน
-
โรคนอนไม่หลับ
หากใช้สาร THC จากกัญชาในระยะสั้นจะช่วยลดความวิตกกังวลลง และทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันสาร CBD ก็ช่วยทำให้ง่วง หลับได้ง่าย เร็วขึ้นและนานขึ้น ลดโอกาสที่จะตื่นมากลางดึกอีกด้วย
-
อาเจียนจากเคมีบำบัด
ผลวิจัยจากคลินิกยา Nabilone สาร THC ที่สกัดจากกัญชาสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้หลังจากการทำเคมีบำบัดได้ และยายังได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาในหลายประเทศอีกด้วย
-
ภาวะไม่อยากอาหาร
สาร THC ช่วยเพิ่มความอยากอาหารให้กับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ช่วยให้ทานอาหารได้มากขึ้น ไม่สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ กระดูและไขมันไปมากกว่าเดิม ทำให้ผู้ป่วยมีแรงพอที่จะรับการรักษาโรคเรื้อรังต่อไปได้
-
โรคออทิซึม
การใช้สาร CBD ในปริมาณที่ค่อนข้างสูง ภายใต้การควบคุมดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด สามารถบรรเทาอาการบางส่วนของผู้ป่วยโรคออทิสติกได้ ลดอัตราการทำร้ายตัวเองและอาการสมาธิสั้น ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
-
โรคอัลไซเมอร์
ตอนนี้มีแค่งานวิจัยบางส่วนเท่านั้น ที่บอกว่าสาร THC สามารถช่วยในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้ แต่ก็ยังขาดข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ และงานวิจัยอีกจำนวนมากเพื่อใช้ในการยืนยันสำหรับการรักษาโรคนี้
-
ความดันโรหิตเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
-
ใจสั่นสติแปรปรวน
-
ประสาทหลอน เกิดภาพหลอน หูแว่ว
-
หวาดระแวงแพนิค
-
สมองทำงานแย่ลงโดยกะทันหัน
-
ประสาทหลอนถาวร 20%
-
ความพึงพอใจในการใช้ชีวิตลดลง
-
มีมุมมองต่อสังคมในด้านลบ
-
อาจก่อเกิดปัญหาทางสังคมและอาชญากรรมได้
ทั้งนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถแตะต้องกัญชาเพื่อใช้งานได้ แถมยังต้องหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายด้วยซ้ำ ซึ่งกลุ่มที่ควรจะหลีกเลี่ยงนั้นได้แก่ เด็กเล็ก ผู้หญิงตั้งครรภ์ และคุณแม่ให้นมบุตร เนื่องจากสามารถส่งผลกระทบระยะยาวให้กับเยาวชนตั้งแต่ยังไม่ถึงวัยที่สมควร รวมถึงผู้ที่มีโรคหัวใจและหลอดเลือด หรือผู้ที่มีประวัติเป็นโรคทางจิต หรือเสพติดยาที่เคยมีผลกระทบต่อระบบประสาท
กฎหมายกัญชาเสรี จุดจบอวสารสายเขียว
หากกัญชาถูกใช้ในทางที่ถูกต้องอยู่ในแนวทางที่สมควรจะเป็น ก็จะสร้างประโยชน์มากมายให้กับผู้คน อาจเป็นการสร้างนวัตกรรมและโปรดัคส์ใหม่ ๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปได้เลย แต่ด้วยการที่โทษของมันเกิดจากการใช้งานอย่างผิดวิธีจากผู้ที่ไม่ประสงค์ดีหรือผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนร่างกฎหมายกัญชาเสรี จากพืชเศรษฐกิจที่เป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่งสู่การเป็นสมุนไพรควบคุม และตอนนี้ก็เป็นเวลาอันดีที่จะตอบคำถามในใจที่เราถามไว้ตั้งแต่ตอนต้นแล้ว แต่สำหรับธุรกิจ ผู้ค้าขายในตลาดกัญชาอาจกังวลหรือสับสนว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี สามารถติดตามบทความฉบับจัดเต็มของการยกเลิกกฎหมายกัญชาเสรีต่อได้เลย
|