เริ่มจากว่า เรากับเขาเริ่มคุยกันตั้งแต่ตอนม.2 ช่วงนั้นก็ใส ๆ มากเลยค่ะ แค่เจอกันที่ห้องสมุด แล้วเขายืมหนังสือเล่มเดียวกับเรา เราก็เริ่มคุยกัน จากที่ไม่เคยรู้จักกันเลย ก็กลายเป็นแชทกันทุกคืน โทรคุยกันบ้างเวลาว่าง เขาเป็นคนตลก อบอุ่น และเราก็รู้สึกว่าโลกมันสดใสขึ้นมาก ๆ ตั้งแต่มีเขา แต่หลัง ๆ มาเราก็เริ่มรู้สึกว่า อะไรบางอย่างมันเปลี่ยนไป โดยเฉพาะช่วงบอลลีกยุโรปกลับมาเตะกันใหม่ ๆ ทุกครั้งที่เราทักแชทไป เขาจะตอบช้ามาก หรือบางทีก็ไม่ตอบเลย บอกว่ากำลังดูบอลอยู่ จะทักมาก็แค่เวลาครึ่งแรกจบ หรือบอลจบแล้ว ซึ่งบางทีก็เกือบตีสอง เราเลยรู้สึกว่าเราเหมือนถูกวางไว้เป็นคนที่ “คุยได้เมื่อว่าง” ไม่ใช่คนสำคัญแบบที่เราเคยคิด
ตอนแรกเราก็พยายามเข้าใจนะคะ พยายามบอกตัวเองว่า “ก็เขาชอบฟุตบอล มันเป็นความชอบของเขา” เราก็เลยเริ่มหาข้อมูลเรื่องฟุตบอล ลองดูแมตช์กับเขาบ้าง พยายามทำความเข้าใจคำศัพท์อะไรแปลก ๆ อย่าง VAR, แฮนด์บอล หรือแม้แต่ชื่อทีมที่เราจำไม่ค่อยได้เลยว่าอะไรเป็นอะไร แค่หวังว่าจะได้มีเรื่องคุยกับเขาเพิ่มขึ้น แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม เพราะถึงเราจะพยายามแค่ไหน เขาก็ยังเลือกจะดูบอลมากกว่าจะมาคุยกับเรา หรือแย่กว่านั้นคือ บางทีเราจะเล่าเรื่องที่เราเจอมาในวันนั้น เขาก็ฟังแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วพูดว่า “รอก่อนนะ กำลังลุ้นลูกโทษอยู่”
วันนั้นเราแอบร้องไห้เลยนะคะ รู้สึกว่าเขาไม่ได้สนใจสิ่งที่เรารู้สึกเลย แล้วเราก็เริ่มถามตัวเองว่า “ถ้าเขารักฟุตบอลขนาดนั้น แล้วเราล่ะ…อยู่ตรงไหน?” หรือความสำคัญของเรามันน้อยกว่าการยิงประตูของใครบางคนในสนามฟุตบอลที่เราไม่รู้จักด้วยซ้ำ
เราว่าความรักของคนวัยรุ่นมันเปราะบางนะคะ มันเหมือนกระดาษที่แค่มีหยดน้ำเล็ก ๆ ก็ตื้นเปียกและฉีกขาดได้ง่ายมาก เวลาเราชอบใคร เราทุ่มเทสุด ๆ อยากให้เขารู้ว่าเราอยู่ตรงนี้ อยากเป็นที่หนึ่งในใจเขา บางครั้งก็ขาดความมั่นใจจนต้องไป ดูดวงความรัก เลยล่ะ ซึ่งบางทีเราก็ลืมไปว่า เราเองก็มีหัวใจ และก็สมควรได้รับความใส่ใจเช่นกัน เราไม่อยากเป็นคนที่ต้องคอยปรับตัวอยู่ฝ่ายเดียว ไม่อยากเป็นคนที่ต้องแย่งความสนใจจากสิ่งอื่นในชีวิตของเขา เพราะในความรักที่ดี มันควรมีความพยายามจากทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่แค่คนหนึ่งวิ่งตาม อีกคนเดินหนีอยู่ตลอด
เรารู้ว่ามันอาจฟังดูงี่เง่าสำหรับผู้ใหญ่นะคะ แค่ดูบอลเอง ทำไมต้องคิดมาก? แต่สำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งเรียนรู้คำว่า “แฟน” ความรู้สึกว่า “เขาเลือกอย่างอื่นมากกว่าเรา” มันชัดเจนมากและเจ็บจริง ๆ
เราเริ่มกลับมาคิดว่า บางทีการรักใครสักคนไม่ควรทำให้เราเหนื่อยเกินไป เราควรรู้สึกเป็นที่รัก รู้สึกว่าเราไม่ต้องแข่งขันกับอะไร หรือใครทั้งนั้นเพื่อจะได้คำว่า “ความใส่ใจ” จากเขา ถ้าเขารักฟุตบอลมาก เราเข้าใจได้ แต่เราก็อยากให้เขารักเราเหมือนกัน อย่างน้อยก็แค่ทำให้รู้สึกว่า “ถึงจะดูบอล แต่ก็ยังนึกถึงเราเสมอ”
เราก็มีความฝันเหมือนกันค่ะ เราอยากเป็นนักวาดการ์ตูนในอนาคต อยากมีนิยายของตัวเอง อยากมีคนอ่านแล้วรู้สึกอินเหมือนที่เรารู้สึกตอนอ่านเรื่องของคนอื่น แล้วเวลาที่เราเล่าเรื่องความฝันพวกนี้ให้เขาฟัง แต่เขากลับหันไปดูบอลมากกว่าจะตั้งใจฟัง เราก็รู้สึกเหมือนฝันของเรามันไม่มีค่าพอจะอยู่ในโลกของเขาเลย
บางทีเราเลยเริ่มคิดว่า เราควรเอาเวลาไปใส่ใจกับตัวเองให้มากขึ้น ไปวาดรูปให้เยอะขึ้น ไปเรียนให้ดีกว่าเดิม ไปทำสิ่งที่เรารักมากกว่าการนั่งรอแชทจากใครคนหนึ่งที่กำลังตะโกนเชียร์ทีมโปรดอยู่หน้าจอ
สุดท้ายนี้ เราไม่ได้อยากให้เขาหยุดดูฟุตบอลหรอกนะคะ เพราะนั่นคือสิ่งที่เขารัก แต่เราแค่อยากให้เขาแบ่งใจมารักเราด้วยนิดนึง แค่ไม่ลืมว่า “ยังมีใครคนหนึ่งที่รอให้เขาหันมากอดบ้าง” แค่นั้นก็พอ
ถ้าเขาทำไม่ได้ เราก็จะไม่โกรธ ไม่เกลียดหรอกค่ะ แต่เราจะเลือกกลับมารักตัวเองให้มากขึ้น และเชื่อว่าซักวันหนึ่ง เราจะได้เจอกับใครสักคนที่มองเราเหมือนที่เรามองเขาในวันนี้ คนที่เห็นความสำคัญของเราในทุกวัน แม้วันนั้นจะมีบอลคู่ใหญ่ก็ตาม
|