สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเซ็น สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน
การซื้อขายที่ดินเป็นธุรกรรมที่สำคัญและมีมูลค่าสูง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความรอบคอบในการดำเนินการ ทั้งในด้านการตรวจสอบเอกสารและการทำสัญญาเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "สัญญาซื้อขายที่ดิน" ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการยืนยันความประสงค์ในการซื้อขายระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน และสิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนเซ็นสัญญา
สัญญาซื้อขายที่ดิน คืออะไร?
สัญญาซื้อขายที่ดิน คือ สัญญาที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงร่วมกันเกี่ยวกับเงื่อนไขในการซื้อขายที่ดิน โดยในสัญญานี้จะระบุรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินที่จะขาย ราคาซื้อขาย และเงื่อนไขต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กำหนดวันโอนกรรมสิทธิ์ หรือวิธีการชำระเงิน ทั้งนี้ สัญญาซื้อขายที่ดินเป็นสัญญาผูกพันทางกฎหมาย ซึ่งหมายความว่าเมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงและเซ็นสัญญาแล้ว จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญานั้น
ตัวอย่างข้อมูลในสัญญาซื้อขายที่ดิน
ข้อมูลผู้ซื้อและผู้ขาย: ชื่อ ที่อยู่ เลขบัตรประชาชน หรือข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็น
ข้อมูลที่ดิน: รายละเอียดของที่ดินที่จะขาย เช่น หมายเลขโฉนดที่ดิน ขนาดที่ดิน สถานที่ตั้ง ฯลฯ
ราคาซื้อขาย: จำนวนเงินที่ผู้ซื้อจะต้องจ่ายให้แก่ผู้ขาย
วิธีการชำระเงิน: จะชำระเงินสด หรือโอนผ่านธนาคาร ชำระงวดหรือจ่ายเต็มจำนวน
วันโอนกรรมสิทธิ์: กำหนดวันที่ที่ทั้งสองฝ่ายจะไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับผู้ซื้อที่สำนักงานที่ดิน
เงื่อนไขเพิ่มเติม: เช่น การตรวจสอบเอกสารที่ดิน การชำระภาษีที่ดิน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
สิ่งที่คุณต้องระวังก่อนเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดิน
ตรวจสอบเอกสารที่ดิน
ก่อนที่คุณจะเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดิน ควรตรวจสอบเอกสารที่ดินให้ละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่า:
เจ้าของที่ดิน: ต้องมั่นใจว่าผู้ขายเป็นเจ้าของที่ดินจริง และมีสิทธิ์ในการขายที่ดิน
โฉนดที่ดิน: ตรวจสอบว่าโฉนดที่ดินที่ผู้ขายนำเสนอเป็นของจริง ไม่มีการปลอมแปลง และข้อมูลในโฉนดตรงกับที่ดินที่ขาย
ภาระหนี้สิน: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีภาระหนี้สินหรือข้อพิพาทใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน เช่น การจำนองหรือการฟ้องร้อง
การใช้ประโยชน์จากที่ดิน: ตรวจสอบว่าไม่มีข้อจำกัดในด้านการใช้ประโยชน์จากที่ดิน เช่น ข้อจำกัดจากกฎหมายผังเมืองหรือที่ดินที่อยู่ในพื้นที่อุทยาน
|