สำหรับคู่แต่งงานที่แต่งงานกันมานาน แต่ยังไม่มีลูกสักที อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้มีลูกสมดังใจหวัง คือ การทำผสมเทียม แต่วิธีนี้จะเป็นอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง ไปดูกันเลย
การทำผสมเทียมคืออะไร
การทำผสมเทียม (Artificial Insemination: AI) เป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์อย่างหนึ่ง โดยแพทย์จะทำการฉีดน้ำเชื้อของฝ่ายชายเข้าไปในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิง โดยใช้อุปกรณ์เฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากการร่วมเพศตามธรรมชาติ ที่ฝ่ายชายจะหลั่งน้ำเชื้อเข้าไปในช่องคลอดของฝ่ายหญิง
เหมาะกับใคร?
การทำผสมเทียมสามารถทำได้ทั้งกับคู่สมรสที่มีบุตรยากและคู่รักเพศเดียวกัน โดยคู่สมรสที่มีบุตรยากอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น
-
ฝ่ายชายมีภาวะมีบุตรยาก เช่น จำนวนอสุจิน้อยหรืออสุจิเคลื่อนไหวช้า
-
ฝ่ายหญิงมีภาวะมีบุตรยาก เช่น ท่อนำไข่อุดตันหรือมดลูกผิดปกติ
-
คู่สมรสมีปัญหาในการร่วมเพศ เช่น ฝ่ายชายมีปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศหรือฝ่ายหญิงมีปัญหาช่องคลอดแห้ง
นอกจากนี้ ยังเหมาะกับคู่รักเพศเดียวกันที่ต้องการมีบุตร โดยฝ่ายชายจะบริจาคน้ำเชื้อให้ฝ่ายหญิง
ข้อดี
สำหรับคนที่กำลังลังเลว่าจะใช้วิธีนี้ดีหรือไม่ การทำผสมเทียมมีข้อดีหลายประการ ดังนี้
-
ลดโอกาสการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเอดส์ ซิฟิลิส หนองในแท้ เนื่องจากแพทย์จะคัดกรองน้ำเชื้อบริจาคก่อนนำไปใช้
-
ช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บจากการร่วมเพศ เช่น ช่องคลอดฉีกขาด มดลูกอักเสบ
-
ช่วยให้คู่สมรสที่มีบุตรยากมีโอกาสมีบุตรได้สูงขึ้น โดยอัตราการตั้งครรภ์จากการผสมเทียมอยู่ที่ประมาณ 10-20%
ข้อจำกัด
แม้ว่าการทำผสมเทียมจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ ที่คู่สมรสจะต้องพิจารณา ดังต่อไปนี้
-
ความสำเร็จขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สาเหตุของภาวะมีบุตรยาก อายุของฝ่ายหญิง สุขภาพของฝ่ายชาย และคุณภาพของน้ำเชื้อ
-
ค่าใช้จ่ายที่สูง และอาจจะต้องทำหลายครั้งกว่าจะสำเร็จ ซึ่งมีคู่สมรสหลายคู่ที่ยอมแพ้ไปกลางทาง
รูปแบบของการทำผสมเทียม
ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เจริญก้าวหน้ามากในปัจจุบัน จึงมีการพัฒนาการทำผสมเทียมในหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละคู่ ที่มักจะมีต้นเหตุของการมีบุตรยากที่แตกต่างกัน เช่น
-
Infertility Insemination (IUI) แพทย์จะทำการฉีดน้ำเชื้อเข้าไปในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิงในช่วงที่มีไข่ตก โดยแพทย์จะคัดกรองน้ำเชื้อบริจาคก่อนนำไปใช้
-
In Vitro Fertilization (IVF) แพทย์จะทำการปฏิสนธิระหว่างไข่และอสุจินอกร่างกาย จากนั้นจึงนำตัวอ่อนไปฝังไว้ในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิง
การทำผสมเทียมเป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่สามารถช่วยให้คู่สมรสที่มีบุตรยากมีโอกาสมีบุตรได้สูงขึ้น อย่างไรก็ตามก็มีข้อจำกัดบางประการ ดังนั้น คู่สมรสที่สนใจทำผสมเทียมควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ
|